Hoya Barkery the Beginning

#เรื่องของ Hoya Barkery

timing is everything...

เมืองไทยกำลังอยู่ในจุดที่คนหันมามองสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นสมาชิกครอบครัวที่เราอยากเห็นเค้าอยู่กับเราไปนานๆ

Hoya Barkery the Beginning

ย้อนไปเมื่อปี 2013 สมัยโฮย่าอายุประมาณ 3 ขวบ โฮย่ามีปัญหาคราบน้ำตาและถ่ายเหลว แม่หมาไม่สบายใจ เพราะหาหมอก็ไม่หาย เปลี่ยนอาหารก็หลายยี่ห้อ อาหารเสริม วิตามิน probiotics ช่วงนั้นค่อนข้างหมกมุ่น และหนึ่งในสิ่งที่ทำก็คือการเปิดสูตรขนมหมาออนไลน์ มาทำเอง คุกกี้บ้าง โยเกิร์ตบ้าง ไอติมบ้าง ทำเสร็จก็จะถ่ายรูปเก็บไว้ เวลาผ่านไปหลายปี ชีวิตเรายุ่งมากขึ้น มีหลายสิ่งเข้ามาในชีวิต รวมถึงลูกลิง เราเลยลืมๆ เรื่องทำขนมให้โฮย่าไป

ล่วงเลยมาจนต้นปี 2020 มาเปิด external drive ดูรูปเก่าๆ เจอ folder นึง ตั้งชื่อไว้ว่า “HOYA BARKERY
 


เราเริ่มขายขนมน้องหมาที่สามีอบแห้งเองในนาม Hoya Barkery เดือนธันวา 2020

Hoya Barkery ไม่ใช่ธุระกิจที่ drive ด้วยตัวเลขเป็นหลัก ไม่ได้เกิดมาเพื่อแข่งกับแบรนด์ใหญ่โต ส่วนนึงคือเราอยากเล่าเรื่อง ก็อาจจะเหมือนพ่อแม่หมาหลายๆ คนที่อยากเล่าเรื่องลูกเรา อยากให้คนรู้จักลูกเรา ฉันใดฉันนั้น และเราคิดว่าประสบการณ์ลองผิดลองถูก จากคนไม่เคยเลี้ยงสัตว์ใดๆ มาเจอหมาตัวนึงที่เปลี่ยนชีวิตเรา การได้เลี้ยงลูกคนกับลูกหมา แบบเมาคลีลูกหมาป่า กินด้วยกัน นอนด้วยกัน เราคิดว่าการแชร์ประสบการณ์ผ่านเรื่องเล่าน่าจะมีประโยชน์ต่อพ่อแม่หมามือใหม่ หรือมือเก่าก็อาจจะมีอะไรที่เค้ายังไม่เคยรู้ก็ได้ อาจจะได้ให้มุมมองสำหรับคนที่มีหมาแล้วคิดอยากมีลูกสองขา ให้รู้ว่าหมากับเด็กเล็ก อยู่ด้วยกันได้ ได้เห็นความสำคัญของการให้หมาวิ่งเล่น เข้าสังคม และอื่นๆ ที่น่าจะมีส่วนช่วยให้เราและน้องหมาเติมเต็มชีวิตกันและกันได้ดียิ่งขึ้น แต่ในการแบ่งปันความรู้ที่จะช่วยให้น้องหมาอยู่กับเราไปนานๆนั้น เราก็อยากจะมีอะไรที่เป็นสิ่งจับต้องได้ด้วย

โชคดีว่าทอมมี่ชอบทำอาหาร และเห็นด้วยกับการทำ Hoya Barkery ทอมมี่เกษียณจากงานที่อเมริกา มาเมืองไทยก็ไม่ได้มีงานทำ รับเงินบำนาญ หาเพื่อนตีเทนนิสไปวันๆ แต่ด้วยความเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ ก็จะมีโปรเจ็คนู่นนี่ตลอด เสียตังค์ทั้งนั้น Hoya Barkery ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะหางานให้สามีที่ไม่ทำให้เราเสียตังค์ ตอนนี้สามีมีหน้าที่หั่นจู๋ หูและอื่นๆ
การมาทำ Hoya Barkery ทำให้เราได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ ไม่ต้องแต่งตัวสวยไปเจอใคร ไม่ต้องประชุมตาแฉะ ไม่แต่งหน้า นั่งชันเข่า ก็ไม่มีใครว่า ไปเที่ยววันจันทร์ ทำงานวันอาทิตย์ ยังไงก็ได้ ได้ใช้เวลาอยู่กับโฮย่า ได้เจอคนรักหมาเยอะแยะมากมาย ได้เรียนรู้ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ได้ไป pet shop ได้เห็น trend ต่างๆ เมื่อเอามาบวกกับสิ่งที่เราเคยสัมผัสที่อเมริกามาก็รู้สึกว่าเราเห็น gap อะไรหลายๆ ที่ ที่เราอาจจะสามารถเติมเต็มมันได้

ครอบครัวเราอยู่ในวงการสุขภาพ เราก็เรียนมาทาง health policy งานที่ทำมาส่วนใหญ่ก็อยู่ในภาครัฐ และองค์กร non-profit ไม่แสวงหาผลกำไร สุขภาพเป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยอยากลงทุนเพราะจับต้องยาก ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ยังดีว่าความคิดนี้กำลังค่อยๆ เปลี่ยน เราก็แค่อยากเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนนึงในการให้สุขภาพที่ดีกับน้องหมา เพราะน้องหมาคือเด็กที่ไม่มีวันโต เราเลือกอะไรให้เค้ากินเค้าก็ต้องกิน พาไปไหนก็ต้องไป หรือจะให้นอนในกรงตลอดไป เค้าก็ต้องทำตาม มนุษย์เรานี่แหละต้องหาความรู้ เราเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตเค้า การที่คนซื้อหมามาเลี้ยงได้ง่ายๆ ทำให้เค้าโดนทิ้งได้ง่ายๆ ไม่มีปากมีเสียง เรียกร้องอะไรไม่ได้ อยากให้ทุกคนคิดให้รอบก่อนเอาหมามาเลี้ยงว่านี่คือชีวิตที่เราต้องรับผิดชอบไปอีกเป็นสิบปี

วงการสุขภาพสัตว์ล้าหลังกว่าวงการสุขภาพคนมากกกก ด้วยความที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อมีงานวิจัยที่มีคุณภาพที่ชี้ไปในทางเดียวกันมากพอ และงานวิจัยแต่ละชิ้นนั้นใช้ทั้งเงินทั้งเวลามหาศาล ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจงานวิจัยในสัตว์เลี้ยงเท่าไหร่นัก เคยเห็นหมอคนที่ไหนแนะนำให้คนกินอาหารแปรรูปทุกมื้อตลอดชีวิตบ้าง แต่หมาแทบจะทุกตัวในโลกนี้ไม่ว่าจะยากดีมีจนล้วนกินอาหารเม็ดกันแทบจะตลอดชีวิต วงการอาหารเม็ดสัตว์เป็นวงการที่มีการควบคุมค่อนข้างน้อย อาศัยการทำการตลาดเป็นหลัก ใช้คำกำกวมที่ฟังดูดี natural, organic, holistic ที่ไม่มีคำจำกัดความที่ตายตัว

 

แต่การจะให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำอาหารให้หมาทุกมื้อหรือซื้ออาหารสดให้กินทุกมื้อก็อาจจะเป็นไปได้ยาก ด้วยข้อจำกัดทางเวลาและค่าใช้จ่าย และอาหารเม็ดก็มีหลายเกรด และมีสิ่งเล็กๆหลายอย่างที่เราสามารถเริ่มได้ อะไรที่เราสามารถปรับให้เค้าจากการทานอาหารแปรรูป (ultra processed) 100% ให้เหลือ 80% 60% ก็สามารถทำให้เค้าอายุยืนขึ้นได้ เริ่มจากการให้ขนมที่มีประโยชน์ ขนมอบแห้งของ Hoya Barkery ไม่มีอะไรซับซ้อน ทำง่ายกว่าอาหารเม็ดเยอะเลย ไม่ต้องมีเครื่องจักรบดกระดูก เครื่องจักรอัดเม็ด เราแค่นำวัตถุดิบที่สดและสะอาดมาล้าง หั่น และอบ ไม่ต้องแต่งสี แต่งกลิ่น เราประหยัดเวลาคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องทำเอง แต่ไว้ใจเราได้ว่าคุณภาพไม่ต่างจากที่ทำเองที่บ้าน

การที่เราผลิตสินค้าของเราเองนำมาซึ่งความสุขที่หาไม่ได้จากการรับสินค้ามาขาย มันเป็นความรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำ ในกระบวนการผลิตแม้ดูเหมือนไม่ยาก แค่ล้าง หั่น อบอุณภูมิต่ำ (minimally processed) แต่รายละเอียดของมันมีอยู่มาก และเอาจริงๆ เป็นงานไม่เล็กเลย ถ้าถามสามี เค้าก็จะบอกว่าเค้ารักทุกชิ้นที่เค้าทำ ถามเราเราก็จะบอกว่าหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ ยูว์ช่วยจับเท้าเป็ดให้มันกางๆหน่อย จู๋ให้มันตรงๆ ปอดชิ้นอย่าใหญ่เกิน และเราก็จะบอกว่าการสร้างแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ แพคเกจจิ้งมันบ่งบอกถึงความใส่ใจ (และรสนิยม) ของคนทำ เรื่องราวที่เราเขียนทำให้คนส่วนนึงติดตาม เราอยากให้หมาอยู่กับคุณไปนานๆ และก็อยากให้แบรนด์ Hoya อยู่ไปนานๆ ให้เป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพ ไม่ได้เกิดจากการฉวยโอกาสทางธุรกิจ

ผลพลอยได้ที่มาจากการมาทำ Hoya Barkery นั้นมีเยอะบรรยายไม่หมดเลย มันทำให้เรารู้ว่าธุรกิจที่ดีต่อใจเป็นยังไง ในเวลาที่เราเพิ่งเริ่ม ไม่สามารถ ผลิตสินค้าทีละเยอะๆ ได้ พ่อหมาแม่หมาต้องรอหลายวัน ไม่มีใครบ่น มีบางทีลืมส่งบ้าง ส่งไม่ครบบ้าง มีปัญหาขนส่ง หรืออื่นใด ทุกคนพร้อมให้อภัย พร้อมติดตามเรื่องราว และสินค้าใหม่ๆ คุณค่าทางจิตใจมันมากกว่าคุณค่าทางการเงินมากมาย เรารู้สึกหัวใจพองโตทุกครั้งที่มีคนถามถึงโฮย่า วันเกิดโฮย่ามีคนเข้ามาคอมเม้นท์เยอะแยะ อาจจะดูเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่สำหรับแม่หมา เราว่ามันยิ่งใหญ่มากที่หมาตัวนึงได้รับการตอบรับดีขนาดนี้ น้องๆที่ได้ร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะเต็มเวลา หรือแค่ออกอีเว้นท์เป็นครั้งคราวก็เป็นพ่อหมาแม่หมาที่อยากทำงานที่ดีต่อใจ แม้เงินจะ(ยัง)ไม่มาก ก็สู้กันไป เรามีแต่จะโตขึ้น แจ็ค หม่า เคยพูดไว้ว่า Don't follow the money because money follow people. People should follow their dreams. อย่าไปตามหาเงิน เพราะเงินตามมากับคน จงทำตามความฝันของตัวเอง แล้วเงินทองจะตามมาเอง (เพราะเราจะใส่ใจ และตั้งใจกับมัน)

ออฟฟิศ Hoya Barkery ก็เป็นอีกสิ่งนึงที่เราและสามีรู้สึกว่ามันเพอร์เฟ็คมากๆ บอกก่อนเลยว่าเราโชคดีมหาศาลที่ครอบครัวซื้อที่ผืนนี้มาประมาณ 2 ปีก่อน เพราะเราคงจ่ายค่าเช่าไม่ไหว แต่ก็ขอบคุณสามีด้วยที่ renovate แบบทำเองเกือบหมด จากที่ที่มากับตึกเก่าๆ กับศาลาเก่าๆ ทอมมี่ปรับโฉมด้วยงบที่ไม่มาก ใช้วัสดุเหลือจากการสร้างบ้านเราซะเยอะ ทำออกมาเป็นสไตล์ลอฟท์ดิบๆ ไม่ได้ดูหรูหรา (แต่ค่าไฟบานเลยนะคุณ เพราะเพดานสูง ไม่มีประตูซักกะบาน) มีส่วนของโรงอบที่แยกตึกออกไป มีพื้นที่เขียวๆ กลางกรุง เลี้ยงปลา เป็ด ไก่ ประมาณ 30 ตัว ไว้ให้ลูกมาเก็บไข่ช่วงสุดสัปดาห์ ดีว่าโฮย่า อาโย ไม่ไล่ไก่ ไข่ได้มาก็ให้คนงานไว้กินบ้าง เหลือไว้แจกเพื่อนๆ บ้าง เวลาขี้เกียจทำงานก็ออกไปเล่นกับไก่ ให้อาหารปลา พาหมาไปเดิน คือดีย์



เวลาเป็นทุกสิ่ง เคยได้ยินมั๊ย timing is everything เราคิดว่าเมืองไทยกำลังอยู่ในจุดที่คนหันมามองสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นสมาชิกครอบครัวที่เราอยากเห็นเค้าอยู่กับเราไปนานๆ และโดยไม่รู้ตัว (หรือรู้ตัวก็ดี) เราก็จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้า หมาสอนอะไรเรามากมาย การรับฟัง การเห็นอกเห็นใจ ฝึกความใจเย็นและการเป็นผู้ให้ และรับความรักที่ไม่มีข้อแม้ ดูเหมือนว่าเราไม่เคยมีเวลาพอให้หมาเรา แล้วเมื่อเค้าจากไป ชีวิตเราก็ดูจะไม่เหมือนเดิม จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถทำให้ช่วงเวลาของเรากับเค้าร่วมกันยาวขึ้นได้ Hoya Barkery ต้องการเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของความผูกพันธ์และการเดินทางของหมาและมนุษย์ ไม่ว่าจะหมาเลี้ยง หมาจร หมาเล็ก หมาใหญ่ พรุ่งนี้ไม่รู้เป็นยังไง จะทำได้มั๊ย ตอนนี้ถือว่าสำเร็จแล้วรึยัง ไม่มีคำตอบ ไม่หาคำตอบ เพราะวันนี้ได้ตั้งใจทำในสิ่งที่เรารัก เพื่อคนที่เรารัก เท่านี้ก็น่าจะพอ


 


Let's Grow Old Together