สองปี Hoya Barkery

#เรื่องของ Hoya Barkery

การที่เราใส่ใจกับสิ่งตรงหน้า และนำเสนอสินค้าจากมุมมองที่คิดว่าสินค้าของเราจะช่วยพ่อแม่หมาคนอื่นได้อย่างไรบ้าง ทำให้เราได้ใจลูกค้า ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เล่นๆ แต่จริงจัง


Hoya Barkery เปิดตัวครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2020 ในขณะที่เรายังทำงานประจำอยู่ จะได้ทำ Hoya ก็แค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ เหมือนจะทำเล่นๆ แต่ก็ไม่อยากให้แบรนด์ออกมาดูเล่นๆ เพราะ Hoya และความรักที่เรามีให้ Hoya ไม่เคยเป็นเรื่องเล่นๆ เราเลยทำแบรนด์ ทำเว็ปไซต์เป็นเรื่องเป็นราว อาจจะเพราะเรามาจากธุรกิจสุขภาพ(คน) ที่ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงอยากให้ Hoya Barkery เป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ของความใส่ใจ เพราะนั่นคือสิ่งที่เราให้กับทุกๆสิ่งที่เราทำ แบรนด์จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่สำคัญ อย่างน้อยเราได้มีตำนานที่สร้างเองให้ลูกเรา เป็นที่มาของ hashtag #hoyathegreat #mommylovesyou และ tag line “Let’s Grow Old Together” 

 

ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

 

Hoya Barkery เกิดมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่หมาและหมาที่ถูกเลี้ยงเป็นลูก อยากเห็นเค้าอยู่ด้วยกันไปนานๆ เราไม่ได้เริ่มจากการคิดว่าเราจะขายอะไรดี เราเริ่มจากการเห็นความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงหมาในสองประเทศ มีความรู้สึกอยากแชร์ประสบการณ์ แต่ก็อยากที่จะมีอะไรที่จับต้องได้เป็นตัวเชื่อมระหว่างเรากับคนอ่าน จึงเป็นที่มาของสินค้าขนมหมาที่แปลกตาคนไทย

 

ภายในเวลาไม่กี่เดือนเรามีลูกค้าเยอะมาก ร้านค้าก็เริ่มติดต่อเข้ามา แต่เวลาข้าไม่มี สั่งมาก็ต้องรอกันไป บางทีเป็นสัปดาห์ แต่รู้สึกว่าสนุกมากเพราะเหมือนได้คุยกับคนที่คุยกันรู้เรื่อง ไม่บ่นที่จะรอ รู้ว่าเราตั้งใจ และเราสนุกกับการได้เขียนถ่ายทอดเรื่องโฮย่าและมีคนติดตาม เริ่มมี fanclub เป็นเรื่องเป็นราว แล้วเราก็ค่อยๆใช้เวลากับ Hoya Barkery มากขึ้นเรื่อยๆ จนประมาณ 6 เดือนต่อมาคิดว่าเหยียบเรือสองแคมไม่รอดแน่นอน ต้องเลือกซักทาง แต่ก็ถูๆ ไถๆ มาจนออกจากงานประจำมาขายจู๋วัวอย่างเต็มตัวในเดือนตุลาคม 2021

เท่ากับว่าปีนี้ (2022) เป็นปีแรกที่เราทุ่มเทให้กับ Hoya Barkery ได้เต็มที่ ย้ายที่ทำการออกจากครัวบ้านไปมีออฟฟิศเล็กๆที่อบอุ่น ไปทำงานอย่างมีความสุขทุกวัน เคยคุยกับทอมมี่ (สามี) ว่าเราโชคดีหลายอย่างที่มาถึงวันนี้ได้แบบจับพลัดจับผลู มีคนติดตามทั้งเรื่องราวและสินค้าของเรา มีลูกค้าประจำที่เหนียวแน่นมากกกกก เยอะมากกกกก เยอะมากจริงๆ ค่ะ แต่ทอมมี่บอกว่าไม่ใช่โชคหรอก มันเป็นความลงตัวของ partnership ระหว่างทอมมี่ที่เป็นฝ่ายผลิต ดูแลคุณภาพสินค้า กับเราที่เป็นฝ่ายการตลาดดูภาพลักษณ์ เติมสิ่งที่ขาดให้กันและกัน ทำให้แบรนด์ออกมา complete มีจุดยืน และสื่อถึงความเป็นตัวตนของเรา

 

ปีนี้เป็นปีแห่งการเติบโต เปิดร้าน Pet Shop คู่ค้าใหม่ไปประมาณ 40 กว่าร้าน และมีอีกหลายร้านที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เรามีไลน์สินค้าใหม่คือผงโรยอาหารบำรุงสุขภาพ Nutri Dash เราเริ่มมีลูกค้าจากต่างประเทศที่ใส่ Hoya ไว้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องซื้อ ต้องมาหาเวลามาเที่ยวเมืองไทย การตลาดเป็นส่วนสำคัญของทุกธุรกิจ เราเชื่อว่าการตลาดที่ดีที่สุดต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง ออกมาจากผู้บริโภคจริง แล้วมันจะมีพลังมากกว่าการจ้างคนดัง เรามี brand ambassador, brand influencer, และคนที่ช่วยโปรโมทสินค้าเรามากมาย ลูกค้าที่ดีที่สุดมาจากการแนะนำแบบปากต่อปาก แม้อาจจะไม่ใช่วิธีที่เร็วที่สุด แต่เป็นวิธีที่มั่นคงที่สุด ได้กลุ่มคนที่รักในแบรนด์เรา เราไม่จำเป็นต้องมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดถ้าลูกค้ากลุ่มเล็กๆ ที่เรามีเป็นคนที่กลับมาซื้อสินค้าเราเรื่อยๆ 

แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่มีแบรนด์ที่ขายสินค้าเดียวกับเราหรือคล้ายๆ เราเกิดใหม่เยอะมากๆ เราก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องและลูกค้าเราก็ยังคงเป็นลูกค้าเรา และคอยส่งข่าวว่ามีแบรนด์ใหม่งอกตรงไหนอีก ฮ่าๆ เรายินดีที่มีคนสนใจสินค้าเรานะ เป็นธรรมดาที่จะมีคนเข้ามาดึงส่วนแบ่งตลาดเมื่อสินค้าชนิดนั้นเป็นที่ต้องการ แต่ทุกแบรนด์ควรมีจุดยืนของตัวเอง หาตัวตนแบรนด์ให้เจอว่าเราอยากนำเสนออะไร เพราะการเป็นแบรนด์นั้นมีองค์ประกอบมากมาย เราก็คอยดูตลอดนะว่าตลาดมีความเคลื่อนไหวยังไง ทำให้เราอยู่นิ่งๆไม่ได้ และเป็นพลังผลักดันทำให้เราพยายามดีขึ้นในทุกๆ วัน แต่เรายังต้องคงความเป็นตัวเรา ไม่ทำแค่ตามกระแส เพราะสุดท้ายแล้วความยั่งยืนคือจุดวัดความสำเร็จ 

 

เพราะใส่ใจจึงได้ใจ

 

แบ๋มเป็นคนดุ (แต่ไม่ได้ใจร้ายนะ) 5555 ได้ยินมาทั้งชีวิตละ ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อก่อนเราเป็นเด็กเรียน เราเป็นคนมีวินัย ตรงเวลา ยิ่งไปทำงานที่ญี่ปุ่นมามันทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าเราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเพราะเราไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทำไม่ดีมันไม่ได้เสียที่เราคนเดียว แล้วเราก็เหมือนมีความคาดหวังว่านี่คือสิ่งที่มันควรจะเป็น ผู้ใหญ่ทุกคนที่มีงานมีการมีความรับผิดชอบมันควรมีคุณสมบัติเหล่านี้ พอกลับมาเมืองไทย (หลังจากอยู่ต่างประเทศมา 16 ปี) ต้องมาเริ่มเข้าใจสังคมที่นี่กันใหม่ วัยทำงานไม่เหมือนสมัยเด็กๆ ที่เราเป็นนักเรียน แรกๆ ก็ไม่โอเคเลยกับหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องไม่ตรงต่อเวลา นัดไม่เป็นนัด (ซึ่งสำหรับเราเป็นพื้นฐานของความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้ใจ และการเคารพเวลาคนอื่น) แต่ก็พยายามเรียนรู้ว่าคนเราไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาต่างกัน เราไม่สามารถคาดหวังให้ทุกคนเป็นทุกอย่างที่เราอยากให้เป็น ทุกคนมีด้านการงาน มีภาระครอบครัว มีเรื่องอื่นๆ ฉะนั้นให้เค้ามีส่วนดีมากกว่าส่วนเสียละกัน attitude ต้องดี ความพยายามขอให้มี แล้วอื่นๆ เราค่อยๆ ปรับกันไป

 

สอนน้องๆ ในทีม Hoya เสมอว่างานเราไม่ยาก ขอแค่เราใส่ใจ แล้วเราจะได้ใจ ความใส่ใจมันออกมาในสินค้า การแพค การส่ง การขาย การคุยกับลูกค้า การเก็บเงิน อยู่ในทุกสิ่ง ให้คิดถึงว่าถ้าเราเป็นลูกค้าเราจะอยากได้อะไร เปิดกล่องมาแล้วเราอยากเห็นอะไร อยากรู้สึกอย่างไร บางอย่างอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย ติดสติ๊กเกอร์เบี้ยว ตัดกระดาษไม่ตรง เรียงสินค้าไม่สวย กลับหัวกลับหาง แต่มันคือความใส่ใจในรายละเอียดนะที่ทำให้เราแตกต่าง ไม่อยากจะบ่น (แต่ก็แอบบ่นทุกที ฮ่าๆ) ยิ่งเราเป็นบริษัทเล็ก ทุกคนยิ่งมีความสำคัญต่อแบรนด์ Hoya มากๆ อยากให้ทุกคนทำงานอย่างพึ่งพาอาศัยกัน สบายใจ อยากมาทำงาน แต่วินัยเราต้องมี สติเราต้องอยู่กับตัว และต้องอยากที่จะทำได้มากขึ้น พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ถ้าคนในทีมย่ำอยู่กับที่ บริษัทเราก็ย่ำอยู่กับที่ เพดานเดียวที่เรามีคือเพดานที่เราใส่ให้ตัวเอง เราเป็นทีมเดียวกัน ต้องเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

 

จากนี้ต่อไป

 

challenge ต่อไปในการเดินทางครั้งนี้ของเรา คือทำอย่างไรให้ตัวเราไปอยู่ในตัวน้องๆ ในทีมทุกคน ให้เรายังเข้าถึงลูกค้าได้ ยังคุยให้คำแนะนำได้เหมือนตอนเราทำเองทุกอย่าง จากวันที่เรารับออร์เดอร์เอง ติดสติ๊กเกอร์เอง จนวันนี้ที่เรามีทีมงานช่วยทำหน้าที่ต่างๆ ความเป็นเจ้าของมันทำให้เราต้องใส่ใจทุกขั้นตอนอยู่แล้ว แต่จะทำยังไงให้คนอื่นๆ ในทีมรู้สึกว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งของความยั่งยืนของแบรนด์ ให้ทุกคน live the brand ไม่ว่าเค้าจะมีหน้าที่อะไรในบริษัทนี้ 

 

ต่อไปเราคงได้เริ่มมีคนเข้าช่วยสื่อสารแบรนด์มากขึ้น ซึ่งเป็นความหงุดหงิดใจเราอยู่บ้างในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะเราไม่ได้อยากนำด้วยการขายของ เราไม่ใช่แม่ค้า อาจจะแลดูเหมือนเราขายขนมหมา แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เราขายคือคุณค่าที่อยู่ในสินค้าเราต่างหาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร คุณค่าของมันคือสิ่งๆนั้นจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่หมาและลูกหมาของเขา และมีส่วนช่วยให้เค้าอยู่กับเราไปนานๆ หาคนที่สามารถสื่อสารตรงนี้ออกมาได้ในแบบที่เราต้องการยากจัง

 

Hoya Barkery ไม่ได้เกิดจากฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่การที่เราใส่ใจกับสิ่งตรงหน้า และนำเสนอสินค้าจากมุมมองที่คิดว่าสินค้าของเราจะช่วยพ่อแม่หมาคนอื่นได้อย่างไรบ้าง ทำให้เราได้ใจลูกค้า ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายคนกลายเป็นเหมือนครอบครัวที่ห่วงใยกันเสมอ ไม่ว่าเราจะมีกิจกรรมอะไร ลูกค้าก็ให้ความสนใจ แม้ว่าจะต้องนั่งเขียนเรียงความ ทำคลิปทำโพสต์ เดินทางมาหาเราถึงบ้าน ทุกคนก็ยินดีทำ ทำให้เรารู้ว่าการที่เราเต็มที่กับสิ่งเล็กๆ ณ ปัจจุบัน และคิดถึงใจลูกค้า มีความสุขกับเป้าหมายเล็กๆ ทำให้เราเติบโตเร็วอย่างที่เราไม่คาดคิด ขอบคุณทุกๆ ชีวิตที่มีส่วนทำให้ Hoya Barkery มีวันนี้ได้ ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ การเดินทางครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้น ขอให้เรามีกันตลอดไป Let’s Grow Old Together