โฮย่าเดินทางมาถึงปีที่ 4 แล้ว ไม่น่าเชื่อเลย เวลาผ่านไปเร็วมากๆ ยังจำสมัยที่เรากลับบ้านมาแพคขนมที่ทอมมี่อบไว้ได้อยู่เลย ถ้าใครทันสมัยนั้น คือเราใช้มือเขียนเลเบลชื่อขนมเอง 

ช่วงปลายปีของทุกปี เป็นช่วงที่เราจะใช้เวลาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นใน 11 เดือนที่ผ่านมา ว่าเราอยู่ตรงไหนของกราฟชีวิตแล้ว เราคิดว่ามันจำเป็นสำหรับการพัฒนาตัวเอง เพราะปีแต่ละปีผ่านไปเร็ว ถ้าเราไม่หยุดทบทวน ชีวิตเราอาจจะไหลไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีอาจจะมีสิ่งที่อยากทำและไม่ได้ทำ และมันอาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมแล้ว

การเติบโตของโฮย่าปีนี้มาจากสองช่องทางหลักๆ คือการมีร้านค้าสนใจสินค้าเราเพิ่มขึ้น และจากชาวต่างชาติ คนที่เข้ามามีความหลากหลายมากขึ้น เราก็เรียนรู้ไปว่าใครคบได้ในแง่ธุรกิจ ใครคบได้มากกว่าแค่ธุรกิจ และใครที่ควรปล่อยเค้าไปตามทาง (ใครทางมัน) 

ในส่วนของร้านค้า นอกจากร้านใน กทม ที่มีเพิ่มขึ้นแล้ว เรามีร้านในต่างจังหวัดติดต่อมามากขึ้น ทั้งจากหัวเมืองใหญ่ ภูเก็ต ขอนแก่น ไปจนถึง พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ชัยนาท บางร้านทำสวยกว่าร้านใน กทม อีก ดีใจที่มีกลุ่มคนในต่างจังหวัดเลี้ยงดูปูเสื่อหมาแมวเป็นสมาชิกครอบครัว จนมี pet shop ดีๆ ให้ได้เห็นกัน ตลาดสัตว์เลี้ยงโตเร็วมาสัก 3-4 ปีแล้วตั้งแต่ช่วงโควิด ปีนี้อุตสาหกรรมโดยรวมก็ยังโตขึ้น แต่ด้วยเรตที่ช้าลงมาก ผู้เล่นเยอะขึ้นเยอะทำให้ตลาดเต็ม แบรนด์เล็กแบรนด์น้อยไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอื่นๆ ก็กระโดดลงสนามสัตว์เลี้ยงกันอย่างหน้ามืดตามัว ใครฐานไม่แข็งแรง บริหารไม่ดี สายป่านไม่ยาว ก็มาแว้บๆ แล้วหายไปก็มีมาก อนาคตเรามองว่าจะมีผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงทั้งที่ผลิตในไทยแล้วนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เป็นความรับผิดชอบของแบรนด์ส่วนหนึ่งที่จะต้องให้ความรู้กับผู้บริโภค และมีความโปร่งใส เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกในสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับน้องๆ 

ลูกค้าต่างชาติของโฮย่าปีนี้ก็เพิ่มขึ้น จากที่ปีก่อนๆ ส่วนใหญ่จะเป็น expats ที่อาศัยอยู่ในไทย ปีนี้มีนักท่องเที่ยวและนักหิ้วจากฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ติดต่อมาเยอะมาก เราส่งของที่โรงแรมน่าจะทุกอาทิตย์ ลูกค้าเหล่านี้นำสินค้าโฮย่ากลับไปบ้านและไปบอกต่อพ่อแม่หมาอื่นๆ ทำให้เกิดเป็นการตลาดปากต่อปาก ใครมาถึงเมืองไทยต้องติดต่อมาสั่งขนมกลับไปเอาใจและง้อเด็กๆ ที่บ้าน เมื่อพ่อแม่หมาแทคเราในโลกโซเชียล ร้านค้าในต่างประเทศก็ติดต่ออยากเอาไปขาย แต่ปีนี้เราก็ยังยืนยันว่าเราไม่มีแพลนทำใบอนุญาตส่งออก ด้วยเหตุผลเดิม ว่ากระบวนการทั้งหลายในการได้มาซึ่งใบอนุญาตส่งออกจะทำให้ต้นทุนการผลิตเราสูงขึ้นเป็นเท่าตัว แปลว่าเราจะมีความกดดันให้กดราคา supplier ต่างๆ ต้องผลิตมากขึ้น ขายมากขึ้น คนเราก็ต้องทำงานเพิ่มขึ้น กดดันมากขึ้น สนุกน้อยลง แล้วที่สำคัญ หมาแมวไก่กระต่าย ต้องกระเด็นออกจากพื้นที่ เราเป็นพ่อแม่เด็กๆ ก่อนเป็นธุรกิจ และยืนยันว่าเรายังอยากคงสถานะความเป็น boutique brand ไว้ เงินมีพอประมาณ ถ้ามีเยอะแต่ไม่ได้สุขมากขึ้นก็ควรปล่อยมันไป (ก่อน)

โฮย่าไปออกงานใหญ่สามครั้งเหมือนทุกปี งาน Pet Expo เดือนพฤษภาคมปีนี้ก็ยุ่งหน้ามืดเหมือนเดิม แต่เรารับมือได้ดีกว่า หรือเตรียมใจมาเยอะกว่าก็ไม่รู้ เราเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะปีที่แล้วสงสารพ่อแม่หมามาก ต้องชะเง้อคอยาว ต้องมีมือแม่นาคถึงจะได้หยิบขนม แล้วยังต่อคิวต่อจ่ายตังค์นานอีก ปีนี้มีน้องประจำบูธเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นทีมใหม่ที่ไม่เคยออกงานใหญ่มาก่อน ก็หวั่นๆ นิดนึงว่าจะรับคุณพ่อคุณแม่ทันกันมั๊ย แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปด้วยดี (ไหว้ย่อน้องๆ ทุกคน) มีความในใจที่อยากบอกนิดนึงเกี่ยวกับงานหมาแมวใหญ่ๆ แบบนี้ นี่มันพื้นที่เรา พูดได้แหละเนอะ จะบอกว่าไอ้การเอาดารา นักร้องมาออกคอนเสิร์ตในงานหมาแมวให้เอฟซีมาตามกรี๊ดน่ะ มันไม่ถูกต้องมั๊ย สัตว์ทั้งหลายเค้าหูดีกว่าคนนะ คนยังจะหูแตก หมาแมวเค้าไม่สนุกด้วยหรอกเด้อ แค่ลำโพงที่บูธใหญ่ๆ ใช้เรียกคนมานาทีทอง มากิจกรรมนู่นนี่ เราก็ว่ามันไม่สมควรแล้วนะ งานสัตว์อยากให้ผู้จัดคิดถึง wellbeing ของสัตว์เยอะๆ นะ ใครมีอำนาจฝากส่งสารที

สำหรับโฮย่า ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ยอดขายก้าวกระโดดเหมือนปีแรกๆ เพราะเรากระโดดทุกปีก็จะเหนื่อยไป ฮ่าๆๆ เก็บแรงไว้บ้าง แต่ปีนี้เป็นปีที่เป็นการโตที่มั่นคงขึ้นอย่างชัดเจน จากปีที่แล้วที่เราเหนื่อยกับการขยายของแบรนด์ แต่ทักษะคนในทีมโตตามไม่ทัน เราต้องมาคอยดู operation ค่อนข้างใกล้ชิด ปีนี้ทีมเราแข็งแรงขึ้น ทำงานได้ดั่งใจมากขึ้น ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองและช่วยบริหารจัดการงานประจำวันได้ การบริหารคนเป็นสิ่งที่เรายังต้องเรียนรู้ทุกวัน ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น เราคิดว่าเราก็ใจเย็นลงจากเมื่อก่อนนะ แต่ก็ยังต้องการเห็นความก้าวหน้าและการพัฒนาตัวเองของคนในทีม ไม่ว่างานคุณจะคืออะไร ทุกคนสามารถเพิ่มทักษะให้งานมันดีขึ้นได้ เราร่วมอยู่ร่วมเจริญ 

เราเชื่อว่าทุกอย่างมีเวลาของมัน จะบอกว่าเราแทบไม่ได้ประกาศรับสมัครพนักงานเลยตั้งแต่เปิดบริษัทมา ส่วนใหญ่มาจากคนที่เคยทำงานด้วยกัน คนที่มีคนอื่นแนะนำมา คนที่เดินเข้ามาเพราะอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมโฮย่าในเวลาที่เหมาะสม เมื่อเราได้คนที่ศรัทธาในเรา ศรัทธาในแบรนด์มาร่วมทีม มันทำให้การทำงานมันง่าย การมีสมาชิกทีมที่มีความเข้าใจตรงกัน เข้ากันได้ สำคัญมากสำหรับบริษัทขนาดเล็กที่หลีกเลี่ยงการเจอกันไม่ได้ เรารู้สึกขอบคุณทุกๆ คนที่มีส่วนในการพาโฮย่ามาจนถึงทุกวันนี้ และหวังว่าเราจะดูแลให้สมาชิกมีความสุขที่จะมาทำงานได้ เเพราะเราอยู่ในธุรกิจที่ส่งมอบความสุข เราต้องมีความสุขก่อน บางทีน้องๆ ทำงานไปวันๆ อาจจะลืมคิด เราก็ต้องคอยย้ำให้เค้าเห็นภาพใหญ่ว่าสิ่งเล็กๆ ที่ทุกคนทำมันประกอบกันเป็นความก้าวหน้าของทั้งทีม

ปีนี้เราออกสินค้าใหม่คือ Nutri Blend ที่คิดค้นสูตรต้วมเตี้ยมมาเป็นปีกว่าจะออกมาเป็นสินค้าวางขาย จนแบรนด์อื่นเค้าไปถึงไหนๆ แต่ไม่เป็นไร ไม่รีบ เราไปสปีดเรา Nutri Blend เป็นซุปข้นสำหรับทั้งน้องหมาน้องแมวที่เอาไว้ใส่เป็นมีลท้อปเปอร์ ไว้ป้ายแผ่นเลีย ไว้ผสมน้ำแล้วแช่แข็งทำไอติม หรือไว้เติมน้ำให้เป็นซุปใสหน่อย เพิ่มการดื่มน้ำให้น้องๆ ได้ ในการคิดสูตรเราดูประโยชน์และคุณค่าสารอาหารเป็นหลัก ไม่ปรุงแต่งเสริมเติมสี ทำให้ส่วนตัวรู้สึกว่า สีมันไม่สวยมั๊ยนะ จะไม่ชวนให้คนถ่ายรูปอวดมั๊ย แต่ถ้าใครได้ลองจะรู้ว่ากลิ่นหอมมากๆ จ้า น้องๆ ที่กินน้อยกินยาก มาเสร็จที่ Nutri Blend ก็เยอะนะคะ ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียสุขภาพด้วย 

อีกสิ่งที่ได้มาปีนี้คือการพิมพ์กล่องแบรนด์ ไม่เคยรู้สึกว่าการที่แบรนด์มีกล่องเป็นของตัวเองมันเป็นเรื่องสำคัญอะไรจนมามีแบรนด์ตัวเอง มันเป็นเรื่องไม่เล็กเหมือนกันนะ เพราะจะได้ราคาถูกต้องสั่งเยอะ สั่งมาแล้วต้องมีที่เก็บ ตอนนี้ออฟฟิศชั้น 2 ครึ่งนึงเป็นที่เก็บกล่อง ฝนตกก็ต้องคอยส่องว่าสมบัติยังแห้งอยู่ และมันก็เป็นความภูมิใจเล็กๆ ที่ได้เห็นกล่องหน้าโฮย่าถูกจัดส่งออกไปให้ความสุขกับหมาแมวทั่วประเทศ แต่ก็มีบางคนขอให้ใส่กล่องเรียบๆ เพราะเค้าแอบเลี้ยงในคอนโด จริงๆ ก็อยากให้คนเลี้ยงหมาแมวในที่ที่เลี้ยงได้นะ เค้าจะได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็เข้าใจว่าบางสถานการณ์ก็อาจจะหลีกเลี่ยงยาก

พาอาโย อเล็กซ์ไปตรวจเลือดฉีดวัคซีนประจำปี อเล็กซ์เข้าบ้านทรายทองมาครบ 1 ปีพอดี หมอดูจากฟันว่าน่าจะอายุประมาณ 3 ขวบ แข็งแรง หน้าตาดี แต่นิสัยไม่ค่อยดี เลียมือสองปาดแล้วแอบงั่มตลอดเลย อาโยอายุ 8 ขวบแล้ว คุณหมอบอกว่าปีนี้เริ่มหน้าขาวแล้วนะแม่ แต่ค่าเลือดยังดีทุกประการ เราไม่รู้ว่าเมืองไทยคนไม่ตรวจเลือดให้หมาประจำปีหรือ เพราะเราต้องเป็นคนตาม รพส ตลอดเลย ว่าครบปีรึยัง พอพาไปก็เห็นแต่ฉีดวัคซีนให้ เราต้องขอให้ตรวจเลือดให้ด้วย สมัยโฮย่าอยู่อเมริกาเราจะจ่ายค่าบริการตรวจเพื่อป้องกันเป็นรายปี รพส ก็จะโทรมาเตือนให้เข้าไปตรวจเลือด ตรวจฟันทุก 6 เดือน แล้วก็ไม่เคยปีปัญหาอะไร หมอที่นี่บอกว่าแนะนำไปคนก็ไม่ค่อยตรวจกัน นี่ขนาด รพส โซนสุขุมวิท มันก็ปีละ 2000 กว่าบาทเองนะ พูดถึง กับการตรวจเลือดเพื่อเช็คให้ชัวร์ว่าลูกเราแข็งแรง บางคนซื้อขนมเดือนเป็นหมื่น อยากให้คนมาใส่ใจดูแลสุขภาพน้องๆ ไม่ต้องรอให้มีอาการอะไรนะคะ เอ๊ะ โพสต์นี้แม่บ่นเยอะจริง 55

การที่ทีมเราบริหารงานกันเองได้ดีขึ้น แปลว่าเรามีเวลาไปคิดงานสร้างสรรค์ ไปพัฒนาขัดเกลาเรื่องที่จรรโลงโลก มาใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาใส่ใจสุขภาพตัวเอง และสรรพสัตว์ทั้งหลายในครอบครอง ได้ไปดูคอนเสิร์ตพี่มี่ เราได้พาลิงหนีเที่ยวแบบไม่ต้องพกคอมไปด้วย ไม่ต้องคอยรับโทรศัพท์ ตอบไลน์ เป็นความสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ได้อ่านหนังสือ ได้เริ่มรื้อฟื้นภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย สวนสัตว์โฮย่าปีนี้ มีสมาชิกกระต่ายกับอิกัวน่าเพิ่มขึ้นหลายตัวเลย ไก่ก็ยังอยู่ แต่จากที่เคยเดินอิสระ ตอนนี้ต้องจับเข้าคุกเนื่องจากไก่ย่าง 5 ดาวมาเปิดติดเราจ้า รีบนับหัวไก่กันแทบไม่ทัน กลัวสมาชิกไปนอนอบลมร้อนในตู้กระจก ฮ่าๆ 

สุดท้ายนี้ ไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่หน้าเก่าและใหม่ที่สนับสนุนโฮย่ามา  บางคนก็ตั้งแต่เราอบเตาที่บ้าน เห็นกันตั้งแต่น้องตัวกระจ้อยจนตอนนี้จะ 4 ขวบ โตเป็นวัยรุ่นกันหมดแล้ว มันเป็นสิ่งวัดความสำเร็จเล็กๆ ของเรานะ ที่ได้เห็นคนเก่าๆ ยังวนๆ เวียนๆ มาเจอกัน บริษัทที่ยั่งยืนคือบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความสุขกับใครสักคน ทำให้ชีวิตใครสักคนดีขึ้น ไม่ว่าจะในเวย์ไหนๆ ธุรกิจที่หวังเพียงเพื่อให้ได้เงินมักไม่ยั่งยืน (แต่ธุรกิจที่ไม่หวังเงินก็ไม่ยั่งยืนนะ ต้องหาจุดบาลานซ์ดีๆ) ในสถานการณ์ที่การแข่งขันสูง เราทำอะไรได้มั๊ย ก็คงทำได้แค่ทำตัวเราให้ดีน่ะแหละ เราพยายามปรับปรุงสินค้า บริการและทุกๆ อย่างที่ประกอบร่างกันเป็นโฮย่า ให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน เพื่อเราจะมีมิตรสหายที่คอยสนับสนุนเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปนะคะ